We've only just begun…

Dr.'s Kitchen by Pimmie

คิชิเม็งราดหน้าหมูนุ่ม

 

เริ่มจากการหมักหมูกับซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว น้ำตาล

แล้วก็คลุกๆๆๆ

จะคลุกด้วยช้อน ส้อม มือ หรือเท้า ก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนนะคะ

 

 

สัดส่วนก็…

มั่วๆไปค่าาาาาาาา

55555

ใส่ไปตามความรู้สึก…ประหนึ่งอาหารที่ทำเป็นงานศิลปะ!!!

แต่จริงๆนะ…พอใส่ๆไป ใจมันจะสั่งให้มือของเราหยุดเอง

 

 

จากนั้นก็ตามด้วยแป้งมัน แล้วก็คลุกๆๆๆให้เข้ากัน

จากนั้น พักไว้ให้ส่วนผสมต่างๆมันเข้าเนื้อ

 

 

ระหว่างที่รอ…ก็ไปล้างผัก และหั่นผักเตรียมไว้

 

T___________T

อยู่นิปปงมันก็เศร้าแบบนี้…อยากทานราดหน้า แต่ก็ไม่รู้จะไปหาคะน้ามาจากไหน

 

ที่ร้านเอเชียที่ชินจุกุก็ไม่มีคะน้า

ครั้นจะหาผักญี่ปุ่นอื่นๆที่คล้ายคะน้าก็ไม่มี

 

ที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงที่สุดก็เห็นจะเป็นลำต้นของบร็อคโคลี่

แต่มันก็ไม่กรอบเท่าคะน้าบ้านเราอยู่ดี

แล้วบร็อคโคลี่มันสุกง่ายมากๆ

ต้มไปแป๊บๆก็เปื่อยละ

แต่ก็นะ…

ตามมีตามเกิด มั่วๆไป…ก็ซื้อมาตามที่ซุปเปอร์ใกล้ๆบ้านเค้ามีขาย

ผักที่ใช้แทนคะน้าวันนี้ก็คือ…บร็อคโคลี่ กะหล่ำปลี ผักโขม แล้วก็ฮารุนะ

จะออกมาหน้าตาแบบไหนก็ยัง งงๆอยู่

แต่จุดนี้มันถอยไม่ได้แล้ว!!!!

 

ล้างผักหั่นผักเสร็จ ก็มาจัดการกับตัวแทนเส้นใหญ่บ้านเรา…

“คิชิเม็ง”

ขอบอกว่า…จริงๆแล้ว…มันแค่ “ขาว”เหมือนเส้นใหญ่

นอกนั้นไม่มีอะไรเหมือนเลย!!!!!

T_______T

แต่ ณ จุดนี้ก็ไม่รู้จะไปหาเส้นใหญ่มาจากที่ไหน

ซุปเปอร์มันมีอะไรขายก็ซื้อๆมา

แล้วเส้นพี่เค้าติดหนุบหนับ เลยต้องเทน้ำมันใส่นิดหน่อย แล้วขยำๆๆให้เส้นแยกออกจากกัน

 

 

ขยำเรียบร้อย…

 

 

สีขาวๆน่าเบื่อ…ใส่ซีอิ๊วดำย้อมสีหน่อย

 

จริงๆเค้าเขียนไว้ตรงข้างถุงตัวใหญ่เบ้อเร่อว่า..”ใช้ต้ม”!!!

แต่แคร์มั้ย..

ไม่หนิ!!!

ต้านวิธีใช้ของนางด้วยการเอามาผัดให้กรอบนอกนุ่มในให้สะใจ!!!

 

จากนั้นก็มาหมกมุ่นกับหมูหมักกันต่อ

ขั้นตอนต่อไปคือ…กำจัดไข่แดงออกไป…

 

ชะแว้ง!!!…เหลือแต่ไข่ขาว

 

แล้วก็เอาไปใส่หมูที่พักทิ้งไว้เมื่อตะกี้

จากนั้น ก็สะบัดบ๊อบเก๋ๆเชิดหมูหมักอีกครั้ง

มาจัดการกับกระเทียมกันก่อน

 

 

จะปั่น หรือจะสับ อันนี้ก็แล้วแต่ถนัดอีกเหมือนกันนะคะ

แต่เนื่องด้วยกระเทียมที่ญี่ปุ่นมันกลีบใหญ่อลังกาโน่มากๆ

แล้วบ้านนี้ชอบทานกระเทียมกันเป็นชีวิตจิตใจ

จะทานอะไรเน้นใส่กระเทียมเยอะๆๆๆ

จะให้มานั่งสับคงไม่ไหว

เลยขอเป็นปั่นจะดีกว่า

 

 

ปั่นเสร็จแล้ว ก็เอาลงไปผัดกับน้ำมัน

 

 

เอาแค่ให้พอหอมๆนะคะ ไม่ต้องถึงขั้นกลายเป็นกระเทียมเจียว

 

 

จากนั้นเอาหมูที่หมักทิ้งไว้ ลงไปผัดโลดดดดดด

 

ขอออกตัวแรง…ว่าวันนี้ทำเยอะหน่อยเพราะจะเก็บไว้ทานหลายมื้อ

(อย่ามา!!! ชั้นเห็นหล่อนทำทีไรก็เยอะทุกที มันไม่ใช่แค่วันนี้ซะหน่อย)

 

 

ผัดๆๆๆ

พอเริ่มสุก

ก็….

 

เอาน้ำซุปมาใส่

 

 

เปลี่ยนหม้อ

 

 

 

 

เพิ่มน้ำซุป

 

ใส่ผักโขมลงไป

 

 

ใส่น้ำมันนิดหน่อย แล้วผัดๆๆ

 

 

ผัดเสร็จก็เอามาเทลงหม้อเลยค่า

 

 

จริงๆแล้ว ตอนแรกว่าจะทำแบบที่ร้านราดหน้าทำ คือ แยกผักไว้ใส่ต่างหาก

แต่…คิดไปคิดมา…ลำบาก หลายขั้นตอน ก็ต้มรวมๆกันไปเลย น้ำราดหน้าจะได้หวานๆด้วย

 

 

จากนั้นก็ปรุงๆๆ

ด้วยน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว แล้วก็เต้าเจี้ยว กับน้ำตาลนิดหน่อย

 

ใส่น้ำแป้ง เพิ่มความเหนียว

 

แล้วก็ปรุงรสเพิ่มอีกหน่อยให้กลับมาเข้มข้นเท่าเดิม

 

 

พร้อมเสิร์ฟแล้วววววววว

 

 

ราดหน้า…ผักยุ่ยๆเปื่อยๆ ก็อร่อยไปอีกแบบ

 

ยิ่งพอใส่พริกป่น น้ำตาล น้ำส้มตามใจชอบด้วยแล้ว…เป็นอันจบข่าว

 

มันยอดมากกกกกกสำหรับวันหนาวๆแบบนี้

 

 

 

 


แพนงหมู + ข้าวสวยร้อนๆ

รู้สึกว่าระยะหลังๆมานี่ เรื่องการ diet จะจางๆไป

.

.

.

.

.

ฮ่าๆ มีแต่ทำอาหารสำหรับคนผอมให้คนอ้วนทานอยู่นั่นแหละ แล้วอย่างงี้เมื่อไหร่จะผอมมมมมยะ!!!

.

.

.

.

.

แต่เอาน่าาาา…เห็นอัพบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ทานงี้ทุกวันนะคะ วันอื่นๆก็ทานเบาๆแหละ

.

.

.

.

.

เมนูแพนงหมูนี่ก็เป็นคนเสนอช้างยุ่นเอง เหมือนกับวันที่ทำไก่ผัดขิง

.

.

.

.

.

ไม่รู้สิ…เหมือนไม่ได้ทานมานานนนนนนนนนนนนนนนนนนมากๆแล้ว พวกแกงกะทินี่ไม่ได้ทำมาน่าจะเกินครึ่งปี

พลิกดูวันหมดอายุของน้ำพริกนี่แทบตกใจ คือเหลืออีกแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น

ก็เลยยิ่งได้ข้ออ้างในการทำเข้าไปใหญ่ ฮิๆๆ

.

.

.

.

.

.

page1.

.

.

.

.

ส่วนผสม

หมายเหตุ: อันนี้สูตรสำหรับคนอยู่ญี่ปุ่นนะคะ เลยจะไม่ได้ครบเครื่องเหมือนต้นตำรับ

1.น้ำมัน

2.น้ำพริกแกงแพนง

3.กะทิ

4.เนื้อหมู

5.น้ำปลา

6.น้ำตาลปี๊บ

7.พริกขี้หนู

8.ใบ sweet basil

.

.

.

.

.

วิธีทำ

1.ผัดพริกแกงกับน้ำมันให้หอม

(น้ำมันนี่ใส่นิดเดียวพอนะคะ เพื่อความสวยงามเฉยๆ จริงๆจะผัดกับกะทิให้แตกมันอย่างเดียวก็ได้)

2.ใส่หัวกะทิ แล้วผัดให้แตกมัน

3. ใส่เนื้อหมูลงไปผัดให้เข้ากันจนสุก

4. ใส่กะทิที่เหลือ

5. ปรุงรส ใส่น้ำตาปี๊บเพิ่มความหวาน และถ้ายังเค็มน้อยไปก็เหยาะน้ำปลานิดนึง

6. ตามด้วยพริกขี้หนู

7. เคี่ยวให้เข้าเนื้ออีกซักพัก แล้วก็เด็ด sweet basil ใส่

8. ปิดไฟ…ตักข้าวสวยยยยยยย

.

.

.

.

.

page2_1


อาหารจานด่วน

วันนี้ทานไรดีนะ….โอ๊ยยย….หิวมากๆ

.

.

.

.

.

วันที่เร่งรีบแบบนี้ ต้องเจอ “อาหารจานด่วน”…ฮ่าๆ…แต่ที่ว่าเร่งรีบนี่ไม่ใช่เร่งรีบต้องออกไปไหนนะคะ…

.

.

.

.

.

เร่งรีบอยากทานเร็วๆเพราะหิวจัดดด!!!!…แป่วววววว

.

.

.

.

.

เมื่อสองสามวันก่อน ทำข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว กับข้าวไก่ผัดขิงไข่ดาว (สองเมนูนี้แรงมากๆ…ไม่ล้งไม่ลดมันแล้วใช่มั้ยคะความอ้วนเนี่ยะ?!?!?!)

.

.

.

.

.

เป็นเมนูที่ช้างที่บ้านไม่ได้รีเควสเลยแต่อย่างใด…ฮ่าๆ…เป็นความปรารถนาของแม่ครัวแต่เพียงผู้เดียว…แต่โชคดีที่ช้างที่บ้านทานง่าย นานน้านนนน จะเห็นเกี่ยงว่าไม่อยากทานอันโน้นอันนี้ อะไรอยู่ตรงหน้าแทบจะใช้งวงกวาดเข้าปากเรียบบบ…ง่ำๆๆๆ

.

.

.

.

.

สองเมนูนี้เนี่ยะไม่ได้ทานมานานมากๆแล้ว…วันก่อนเดินซุปเปอร์ผ่านใบ sweet basil กับ ขิง เกิดอาการน้ำลายฟูมปากรีบคว้ากลับบ้านมา…ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกัน…แสดงว่าไม่ได้ทานมานานนนนนนนนนนนนนนมากๆจริงๆ…เพราะจำได้ว่า ช่วงปีที่แล้ว พอเห็นปุ๊บ…ยังเข็นรถ cart หนีอยู่เลย

.

.

.

.

.

สมัยมาญี่ปุ่นใหม่ๆนี่ ทำทานบ่อยมากๆ จนหน้าจะเป็นผัดกะเพรา กับผัดขิง (คิดดู…ถึงกับซื้อต้น sweet basil สามต้นมาปลูกไว้ตรงระเบียงบ้าน!!!) เพราะตอนนั้นยังเพิ่งเริ่มๆหัดทำกับข้าว ก็จะเลือกทำแต่เมนูง่ายๆ เมนูยากๆ งงๆ เครื่องปรุงเยอะๆนี่นานๆทำที เพราะทำแล้วต้องนอนไข้ขึ้นอีกสามวัน คือจะรู้สึกเหมือนกับว่าเพิ่งผ่านการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงมา

.

.

.

.

.

เพราะเดี๋ยวต้องยกกระทะนี้ เปลี่ยนเป็นหม้อโน้น ล้างอันนี้ หั่นอันโน้น หยิบเครื่องปรุงอะไรมาใช้ จะมาวางๆแผ่ๆก็ไม่ได้ เพราะครัวมันเล็กมากๆ ต้องพยายามใช้ปุ๊บเก็บเข้าที่ปั๊บ แล้วชั้นเก็บของมันก็สูงบางทีก็ต้องปีนซิงค์ล้างจานบ้างอะไรบ้าง (จริงๆตั้งใจจะซื้อบันไดเล็กๆเอาไว้ปีนหยิบของตั้งหลายทีละ แต่พอไป Tokyu Hands ทีไรก็ลืมทุกที)…

.

.

.

.

.

ทุกวันนี้เวลาทำครัวก็ชอบนึกถึงครัวที่บ้านที่เมืองไทย…สะอาดเอี่ยมครบพร้อมไปหมด…เตาอบดีๆก็มี…อยากจะทำขนมเค้าทำอะไรก็ทำได้…แถมทำเสร็จยังมีคนเก็บกวาดให้อีกตะหาก:p…นึกย้อนไปแล้วก็อยากจะเขกหัวตัวเองวันละล้านรอบ…คือตอนอยู่เมืองไทย มีทุกอย่างครบพร้อม ก็ไม่ยักจะอยากหัดทำอาหาร…เอาแต่ทรมานวัยรุ่นที่บ้าน…ฮ่าๆ…คือให้คุณแม่ทำให้ทานตลอดดดด (ก็มันหร่อยหนิ!!!)…

.

.

.

.

.

ง่ายๆคือ ถ้ายังไม่แต่งงานก็คงเกาะคุณแม่เป็นปลิงไปเรื่อยๆ (ดูดทั้งแรง ดูดทั้งเงิน) เหะๆๆๆ…ต้องโทษคุณแม่อ่ะ…เนื่องจากคุณแม่เป็นวันเดอร์วู้มั่น ทำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ทำอาหารรสเลิศ ยันเปลี่ยนยางรถยนต์ ยันซ่อมหลังคาบ้าน!!!!(บางวันหาคุณแม่ทั่วบ้าน หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ…สุดท้ายมาเจออยู่บนหลังคาบ้าน -_-‘) คุณลูกเลยกลายเป็นปลิงพิการอย่างไม่ต้องสืบ!!! (ฮิๆ ขอโบ้ยหน่อยย)

.

.

.

.

.

พูดจริงๆนะ…ทำเมนูยากๆทีนึงนี่เหมือนขึ้นเครื่องบริหารสัดส่วน 32 ท่าของ TV Direct ยังไงอย่างงั้น แล้วทำทีก็ใช้เวลานานมากกกกก…เพราะยังจำสูตร และลำดับขั้นตอนไม่ได้ขึ้นใจ…ทำๆอยู่ ต้องไปเปิดดูสูตรบ้าง โทร.ถามคุณแม่บ้าง…โอ๊ยย วุ่นวายมากๆ…เมื่อยไปทั่วร่างง…นึกถึงแล้วยังขำตัวเองทุกที

.

.

.

.

.

เอาล่ะ มาดูหน้าตาสองเมนูที่พูดถึงดีกว่า…

.

.

.

.

.

3

ส่วนผสม

1. เนื้อไก่

2. ไข่ไก่

3. กระเทียมสับ

4. พริกขี้หนูตำ

5. ใบ sweet basil (เด็ดใบและก้านเตรียมไว้)

6. น้ำมันหอย

7. น้ำปลา

8. ซอสปรุงรส

9.น้ำมันสำหรับผัด และทอดไข่ดาว

.

.

.

.

.

วิธีทำ

1.ทอดไข่ดาวรอไว้ก่อนเลยค่ะ

2.ใช้กระทะใหม่ (หรือจะกระทะเดิมก็แล้วแต่สะดวกนะคะ) เทน้ำมันลงบนกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน และนำกระเทียมสับลงผัด

3.ผัดแค่พอกระเทียมส่งกลิ่นหอมหวล ก็นำเนื้อไก่ที่หั่นเตรียมไว้แล้วลงผัด ด้วยไฟแรง

4. ผัดให้ไก่สุก แล้วตามด้วย น้ำมันหอย น้ำปลา และซอสปรุงรสนิดหน่อย ผัดเร็วๆให้เข้ากัน

5. ใส่พริกตำแล้วผัดให้เข้ากัน (ไม่ชอบผัดพริกพร้อมกับกระเทียม เพราะจะทำให้บ้านตลกอบอวลไปด้วยกลิ่นพริก)

6. ดับไฟ โยนใบ และก้านกะเพราที่เด็ดเตรียมไว้ใส่ลงในกระทะ ผัดต่ออีกนิดให้กะเพราะพอสลบแล้วตักขึ้นจานได้เลย

.

.

.

.

.

P1030182_4ส่วนผสม

1.เนื้อไก่

2.กระเทียมสับ

3.ขิงซอย

4.เห็ดหูหนู (แช่น้ำร้อนให้อ่อน แล้วหั่นเตรียมไว้)

5.น้ำมันหอย

6.เต้าเจี้ยว

7.ซอสปรุงรส

8.น้ำปลา

9.เหล้าจีน

10.พริกตำ

11.ไข่ไก่

.

.

.

.

.

วิธีทำ

1.ทอดไข่ดาวเตรียมไว้

2.เทน้ำมันลงบนกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน แล้วนำกระเทียมสับลงผัดให้หอม

3.ใส่ไก่ ผัดให้ไก่สุก ตามด้วยขิงซอย แล้วผัดให้เข้ากัน

4.ปรุงรสด้วย น้ำมันหอย น้ำปลา ซอสปรุงรส และเต้าเจี้ยว ผัดให้เข้ากัน แล้วใส่เหล้าจีนนิดนึงให้พอมีกลิ่นหอม

5.ใส่พริกตำ ผัดให้เข้ากัน แล้วตามด้วยเห็ดหูหนู

6.ดับไฟ…พร้อมตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟค่ะ

.

.

.

.

.

วันไหนใครอยากทานอะไรง่ายๆเร็วๆ ก็อย่าลืมนึกถึงสองเมนูนี้นะคะ ^_^

ปล. คูแม่ห้าน้อจาปาน้าาาาา กละปาเมือทาคราน่าจาทาห้าทาาาาาาาาาาาค่าาาาาาาาาาาาาาา


เกี๊ยวซ่ากรอบๆวันฝาชีกลับบ้านดึก(อีกแล้ว -*-)

เมื่อวานตอนค่ำๆ ระหว่างที่กำลังเดินช้อปปิ้งซื้อวัตถุดิบทำอาหารเย็นอยู่ที่ โอเซกิ (ซุปเปอร์มาร์เก็ตแถวบ้าน)

(more…)


สตูว์เนื้อ สไตล์จาปัง

แง่มๆๆ เมื่อไม่นานมานี้ นึกครึ้มอยากกินสตูว์เนื้อขึ้นมา…

.

.

.

.

ที่ญี่ปุ่นนี่ฮิตกินสตูว์เนื้อกันมากๆ ไม่แพ้พวกคะเร (แกงกะหรี่) เลยนะซิบอกไห่

.

.

.

.

.

เพราะฉะนั้น เลยไม่เป็นเรื่องแปลกที่จะมีสตูว์เนื้อ สไตล์จาปังกำเนิดขึ้นมา

.

.

.

.

.

ที่เรียกว่าเป็นสตูว์เนื้อ สไตล์จาปัง ก็เพราะมีส่วนผสมเฉพาะที่ชาวญี่ปุ่นบรรเจิดใส่เพิ่มเข้ามาเพื่อเพิ่มรสชาติให้กับสตูว์ ซึ่งส่วนผสมนั้นก็คือ “ซอสทงคัทซึ” นั่นเองคร่าาาาา แต่ก็ไม่ได้ใส่เยอะขนาดที่ทำให้รสชาติสตูว์เนื้อมีรสซอสทงคัสสึแหลมขึ้นมาแต่อย่างใด ใส่นิดหน่อย ให้พอหอม อร่อย มีเอกลักษณ์

.

.

.

.

.

พวกสตูว์นี่เป็นเมนูที่ไม่ยากนะ แต่แอบเซ็งจุดเดียวตรงที่ “จะนานไปไหน???”

.

.

.

.

.

คือต้องใช้เวลาตุ๋นเนื้อเป็นชั่วโมงสองชั่วโมง หลังทำสตูว์เนื้อวันนี้เสร็จ ก็เลยคุยกับบาร์นนี่ว่า สงสัยต้องรีบถอยหม้อตุ๋นแรงดันแล้วล่ะ…ฮิๆ…จริงๆแล้วเมื่อวานเพิ่งไปเดินดูที่ Loft กันมา แต่ว่ามันแพงง่ะ ตั้งสามหมื่นกว่าเยน ก็เลยว่าจะมาตั้งเป็นกองทุนไว้ก่อน ค่อยๆเก็บเงินไปเรื่อยๆ เก็บได้มะไหร่ก็ค่อยไปซื้อ ไม่รีบๆๆ…

.

.

.

.

.

แต่พอทำกินกันเสร็จ…ติดใจจจจ ฮ่าๆๆ อยากกินกันอีกบ่อยๆ คือเปลี่ยนเป็นสตูว์ไก่บ้าง หมูบ้าง แต่ถ้ากว่าจะได้กินต้องรอสองสามชั่วโมงแบบนี้ก็ไม่ไหว…ก็เลยคิดว่า ไม่ได้การละ…สงสัยต้องเลื่อนลำดับความสำคัญของคุณหม้อตุุ๋นขึ้นมาละแล้ว

.

.

.

.

.

เอาล่ะ พล่ามมานาน…มาดูส่วนผสมกันดีกั่วว

P10208731. เนื้อวัว (วันนี้ใช้เกือบๆครึ่งกิโล)

2. เกลือ (นิดหน่อย ตามอารมณ์ศิลปินของวันนั้นๆ…เอิ่ม…บอกอย่างงี้ไม่ต้องบอกดีกว่า!!!)

3. พริกไทยดำป่น (อันนี้ตามความชอบเลยค่ะ แต่พิมกับยุ่นชอบเผ็ดๆเลยใส่เยอะ)

4. เนย (ใส่ประหนึ่งเหมือนคนไม่กลัวอ้วน)

5. มันฝรั่ง (ยุ่นบอก ขอเยอะๆ)

6. แครอท (ยุ่นก็บอกว่า ขอเยอะๆ)

7. หอมหัวใหญ่ (ยุ่นก็บอกอีกง่ะว่า ขอเยอะๆ…โอ๊ยยยยย พอได้แล้ว ล้นหม้อแล้วค่ะคู้ณณณณ!!!!)

8. เห็ด mushroom (จริงๆยุ่นก็บอกขอเยอะๆ แต่มันแพงมาก แพคจิ๋วเดียว 250 เยน…เบ็ตตี้สู้ไม่ไหววว)

9. ถั่วลันเตา (แล้วแต่ชอบ วันนี้แค่แพคนึงก็พอ)

10. น้ำเปล่า 5 ถ้วย

11. ไวน์แดง 1 ถ้วย

12. ซอสมะเขือเทศ 4 ช้อนโต๊ะ

13. ซอสทงคัทซี 3 ช้อนโต๊ะ

14. น้ำผึ้ง 1.5 ช้อนโต๊ะ

15. ใบโรลิเอะ 2-3 ใบ

มายก้อด…ผ้าอนามัยหรือเครื่องเทศยะ!!! งง!!!

คาดว่า บ.คาโอ คงไปได้แรงบันดาลใจอะไรบางอย่างจากใบนี้เลยเอามาตั้งเป็นชื่อสินค้า เพราะสะกดเหมือนกันเปี๊ยบ!!!

คือเป็นคำมาจากภาษาฝรั่งเศสค่ะ Laurier หรือที่มีอีกชื่อว่า Laurel หรือ Bay Leaf

16. Demi-glace sauce 1 กระป๋อง (แต่สูตรเบ็ตตี้และบาร์นนี่ มากไว้ก่อนเป็นดี เลยซื้อแบบถุงเพิ่มมาอีก…เหะๆ กันเหนียวๆ)

.

.

.

.

.

.

P1020876ขั้นแรก โรยพริกไทย และเกลือให้ทั่วทั้งสองด้าน แล้วหมักทิ้งไว้

.

.

.

.

.

P1020881ตั้งไฟ และนำเนยลงไปละลาย

.

.

.

.

.

P1020885นำเนื้อที่หมักไว้ ลงไปดีดดิ้นในกระทะ

.

.

.

.

.

P1020891ย่างไม่ต้องสุกนะคะ เอาแค่พอให้ผิวทั้งสองด้านเกรียมๆ

.

.

.

.

.

P1020894ย่างเสร็จเรียบร้อยก็นำลงจากกระทะมาพักไว้

.

.

.

.

.

P1020900ระหว่างนี้ก็มาปรุงส่วนน้ำสตูว์

ก็นำส่วนผสมตั้งแต่ข้อ 10 – 16 มาผสมให้เข้ากัน แล้วก็นำขึ้นตั้งไฟค่ะ

.

.

.

.

.

P1020906พอเดือด ก็ใส่เนื้อที่พักไว้ลงไป จากนี้ก็ร้องเพลง “รอ” ของเจ๊มาช่าไปสองชั่วโมง

.

.

.

.

.

P1020909ระหว่างร้องเพลงเจ๊ช่า ก็ปอกผักหั่นผักไปพลางๆจะได้ไม่เสียเวลา

.

.

.

.

.

P1020916พอครบ 2 ชม. ก็นำมนฝรั่ง แครอท  หอมหัวใหญ่ และเห็ด mushroom ที่เตรียมไว้ ลงไปผัดกับน้องเนย

.

.

.

.

.

P1020919กำลังช้อคว่า “แล้วมันจะล้นมั้ยเนี่ยะ!!!”

.

.

.

.

.

P1020921เอาฟระ…ไม่ลองไม่รู้ ค่อยๆทะยอยใส่ไปแล้วกัน

.

.

.

.

.

P1020924

จุดนี้ภาษาญี่ปุ่นเรียก “กิหริกิหริ” แปลว่า “เกือบๆ” เฮือกกก…ปาดเหงื่อหนึ่งที ค่อยยังชั่ว…ไม่ล้นนน

จุดนี้บาร์นนี่เลยรอดตัวไป…ไม่โดนโวยย

.

.

.

.

.

P1020928แล้วก็รอต่อไปอีกครึ่งชม.หรือมากกว่านั้นถ้ามีความอดทนมากพอ

.

.

.

.

.

P1020931ตักเนื้อขึ้นมาตัดเป็นชิ้นพอคำ แล้วเทกลับลงไปในหม้ออีกครั้ง

.

.

.

.

.

P1020932สุดท้าย…ใส่ถั่วลันเตา แล้วรออีกซักแค่สิบนาที เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

จุดนี้ไปหั่นขนมปังฝรั่งเศส นำไปย่างในเตาอบ แล้วจัดขึ้ันจานเลยค่า…

.

.

.

.

.

P1020933อร่อยรึเปล่าไม่รู้ แต่จุดนี้หอมมากๆ แทบจะกระโดดลงไปแหวกว่ายในชาม

.

.

.

.

.

P1020934.

.

.

.

.

P1020935.

.

.

.

.

P1020936มิสเตอร์บาร์นนี่บอก ไม่ไหวแล้วครับ ขอก่อนเลยหนึ่งคำใหญ่ๆ ง่ำๆๆๆ

.

.

.

.

.

P1020941“คัมปัย”กันด้วยไวน์แดง

.

.

.

.

.

P1020942

.

.

.

.

.

P1020944ฮ่าๆ ผ่านไปแค่พริบตาเดียว เหลือแค่นี้…สรุปว่ามันอร่อย หรือว่าเพราะหิวจัดๆกันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน

.

.

.

.

.

P1020951ตบท้ายด้วยเบียร์เชอร์รี่เย็นๆของเบลเยี่ยม

.

.

.

.

.

.

P1020861_1ปิดท้ายด้วยรูปคู่กับมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าเมื่อวันก่อน

อยากได้ซักคัน…เก๋อ่ะ ชอบๆ


ปลาทอดน้ำปลา + น้ำจิ้มทะเล + ยำวุ้นเส้น

วันนี้มีเมนู…“พูดง่าย…ทำยาก” มาฝากค่ะ

.

.

.

.

.

บางคนอาจจะ “งง”…แบบว่า…

อะไรของหล่อนยะ กะอีแค่ปลาทอดน้ำปลา แล้วก็ยำวุ้นเส้น…เบๆน่ะ ไม่เห็นจะยาก

.

.

.

.

.

เหอๆๆๆ…อันนี้อาจจะเป็นความโรคจิตส่วนตัวเองพิมเอง…ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่ครัวคนอื่นจะรู้สึกเหมือนกันรึเปล่า

.

.

.

.

.

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีเมนูที่จำต้องแปลงครัวเป็นห้อง Emergency Room แล้วล่ะก็…บรึ๋ยยยยยยยยย

.

.

.

.

.

ต้องนั่งทำใจก่อนทุกที…ถอนหายใจอีกสามสี่รอบกว่าจะลงมือ “ผ่าตัด” ได้…

.

.

.

.

.

คืออย่างเนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อหมู…เค้าก็ขายเป็นแพค แล่เป็นชิ้นๆมาให้เสร็จสรรพ

แต่อย่างเมนูที่มีน้องปลา หรือน้องหมึกนี่…ต้องลงมือเอง…

ทำมาตั้งหลายรอบมากๆแล้ว แต่ก็ยังทำใจให้ “ชิลล์ๆน่ะ” ไม่ได้ซักกะที

คิดว่าเป็นเพราะการที่เราไป “จ้องตา” รึเปล่าก็ไม่รู้…แล้วการที่ต้องมองตานิ่งๆไร้แววของสัตว์นี่มันหยองมากๆ

จริงๆก็พยายามไม่จ้องแล้วนะ แต่แบบ…เหมือนโรคจิตอ่ะ มันก็อดแอบมองไม่ได้

พอมองแล้วก็กรีดร้องอยู่ในใจคนเดียว แล้วก็รีบบอกตัวเองให้รีบๆๆๆๆทำให้เสร็จๆขั้นตอนนี้ไปซะ

.

.

.

.

.

ทุกวันนี้เวลาจะทำเมนูแนวนี้นี่ต้องเปิดเพลงดังๆไปด้วย ร้องเพลงดังๆขอบเกล็ดไป ผ่าไป ควักล้วงล้างไป…

กว่าจะเสร็จเหงื่อตก นั่งดมยาดมต่ออีกครึ่งชม.

.

.

.

.

.

P1020830

ปลาทอดน้ำปลา

ขั้นตอนการเตรียมนี่ เหนื่อยมากๆ

เริ่มจาก…

– ขอดเกล็ดปลาให้สะอาด

– ผ่าพุง คว้กไส้ พุง (T_T ฮือๆๆๆ)

จริงๆแล้วอยากจะทำเหมือนที่ร้านอาหารทำเหมือนกันนะ ที่แบบแบะตัวปลาออกมาเลย…จะได้กินง่ายๆ

แต่…ฮืออ ยังทำใจไม่ได้ ขอฝึกความใจหินอีกพักนึง จะลองทำดู

– ควักเหงือก (T_T ม่ายยยยยยยยยยย)

– เอาเกลือโรยให้ทั่วทั้งในและนอกตัวปลา ถูกเร็วๆ แล้วรีบล้างออก (อันนี้เป็นเคล็ดลับกำจัดกลิ่นคาว)

– บั้งลำตัว ทั้งสองด้าน

– เอา Kitchen paper ซับน้ำจากตัวปลาออก แล้วพักไว้

.

.

.

.

.

แต่ขั้นตอนการทำง่ายยิ่งกว่าอะไรดี

– เทแป้งข้าวโพดลงถาด แล้วเอาปลาลงไปปะแป้งให้ทั่วทั้งสองด้าน

– ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน คำนวณให้ท่วมตัวปลา พอน้ำมันร้อนได้ที ก็ใส่ปลาลงไปโลด

– ใช้ไฟกลาง ดูให้เหลืองกรอบทั้งสองด้านแล้วก็เอาขึ้น

– ตักใส่จานที่จัดเรียงด้วยผักกาดเขียว

.

.

.

.

.

วิธีทำน้ำราด

– นำน้ำมันที่เหลือจากการทอดปลาไปใส่ในกระทะ ใส่น้ำตาล  น้ำปลา และซอสหอยนางรม

– คนจนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ลองชิมดูให้ได้รสที่ถูกปาก

– ราดไปบนตัวปลา

– กรี๊ดดังๆหนึ่งที ฉลองความสำเร็จ

.

.

.

.

.

เวลาหม่ำปลาทอด…

สิ่งนึงที่จะขาดไม่ได้เลย คือ น้ำจิ้มทะเลแซ่บๆ

.

.

.

.

.

P1020833

ส่วนผสม

– กระเทียม

– พริกขี้หนูสวน

– น้ำตาลปึก

– น้ำมะนาว

– เกลือ

– น้ำปลา

.

.

.

.

.

วิธีทำ

– โขลกกระเทียมกับพริกให้เข้ากัน

– ใส่น้ำมะนาว น้ำตาลปึก เกลือ น้ำปลา แล้วก็ชิมๆเอารสที่ชอบค่ะ

.

.

.

.

.

P1020840

รสชาติจะเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด จี๊ดจ๊าด แซ่บหลายยยยย

.

.

.

.

.

.

P1020838

อร่อยเหาะจีๆน้า

.

.

.

.

.

ถัดไปเป็นยำวุ้นเส้น

สำคัญอยู่ที่น้ำยำ

เคยไปได้เคล็ดลับมาจาก blog ของคุณแม่สลิ่ม เมื่อนานนนนนมาแล้ว แล้วก็ยึดเป็นหลักปฎิบัติมาตลอด

คือ…เวลาปรุงน้ำยำให้ใส่ “น้ำกระเทียมดอง” ลองไปด้วย

คุณแม่สลิ่มบอกว่า จะอร่อยเหาะ ซึ่งก็เป็นตามนั้นจริงๆ รสชาติกลมกล่อมขึ้นมากๆ

แล้วพิมก็ rule การทำน้ำยำอีกสองข้อคือ

1. ไม่ใช้น้ำตาลทราย แต่จะใช้น้ำตาลปึกเท่านั้น (มันอร่อยต่างกันจริงๆนะ)

2. ทำน้ำยำแยกไว้อีกถ้วยนึง แล้วก็ทำให้รสเข้มข้นกว่าปกติเพราะตอนเอาลงไปคลุกกับเครื่องของยำวุ้นเส้น

น้ำยำจะละลายผสมกับน้ำที่เกาะๆอยู่ตามตัววุ้นเส้น ผัก หมูสับ ปลาหมึก ฯลฯ ซึ่งจะทำให้รสชาติน้ำยำออกมาเปรี้ยวหวานเผ็ดพอดี

.

.

.

.

.

P1020826

.

.

.

.

.

P1020843

เห็นจานยำวุ้นเส้นบิ๊กเบิ้มแบบนั้นไม่ต้องตกใจไปนะคะ…ฮ่าๆ…เป็นอาหารให้ช้างกิน ก็ต้องทำเป็น size XXXL เป็นธรรมดา


ต้มยำทะเลน้ำข้น…สูตรหลอกตัวเองว่าไม่อ้วนเท่าไหร่

เมื่อโพสก่อนนู้นนนนนนนเคยเล่าว่าไปเยือนร้านเอเชียซุปเปอร์สโตร์ที่ชินจูกุเพื่อไปซื้อเครื่องต้มยำมาทำต้มยำปลาน้ำใสให้ดร.ช้างยุ่นหม่ำ

.

.

.

.

.

ซื้อชุดต้มยำมาทั้งหมดสามชุด

.

.

.

.

.

สองครั้งแรกที่ทำเป็นต้มยำปลา น้ำใสปิ๊ง ดูสุขภาพดีมากๆ แต่ว่ามัวแต่รีบล่ก เลยลืมถ่ายรูปเก็บไว้…

.

.

.

.

.

ครั้งนี้ ถ่ายรูปไว้…แต่…

.

.

.

.

.

ดันทำเป็นน้ำข้นซะงั้น!!!!!!

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ช่างกล้าาาาาา ลดความอ้วนอยู่ไม่ใช่หรอยะหล่อนนนนนน

.

.

.

.

.

แล้วที่หนักกว่า…คือ…กลายเป็นกุ้ง กับปลาหมึก…เนื้อปลาขาวอวบหายจ้อยยยยย…อร๊ายยย อะไรกันเนี่ยะ ขอคำอธิบายด่วนนนนนนน!!!! ทำตัวแรงงงงงไม่แคร์คอเรสเตอรอลอย่างงี้ได้ยังไง!!!!

.

.

.

.

.

เอิ่ม….ประเด็นคือ….คือ….

.

.

.

.

.

ก็แค่…

.

.

.

.

.

ก็แค่…อยากกินกันน่ะค่ะ อะโฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

.

.

.

.

.

เอาเถอะค่ะๆๆ อย่าประณามกันเลย เพราะทำไปแล้ว และก็กินไปเรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้ว จะให้ไปล้วงคอก็กระไรอยู่ชิมิแคะ!!!!

.

.

.

.

.

แต่อย่างน้อย…น้ำข้นนี้ใช้นม low-fat นะคะ แถมยังเต็มไปด้วยเห็ด แล้วก็ไร้ข้าว…คือซดต้มยำกันเพียวๆเลย

.

.

.

.

.

แล้วกุ้งกับปลาหมึกก็หลอมแหลมมากๆ ประเด็นคือเหลือกุ้งอยู่ในตู้เย็น ทิ้งไว้ในตู้เย็นต่อไปกลัวมันจะแปลงร่างเป็นอ๊อพติมุสชริ้มพ์ค่ะ ส่วนปลาหมึกนี่ซื้อเพิ่มมาหนึ่งตัว คือกลัวกุ้งจะเหงา เลยเอาน้องหมึกมาใส่เป็นเพื่อน

P1020480

.

.

.

.

.

P1020481

ขอคอนเฟิร์มอีกทีว่า…กุ้งญี่ปุ่นกินแล้วไม่แพ้ค่ะ…งงมากๆอ่ะ

.

.

.

.

.

P1020482แซ่บหลายเด้ออออออออออ

.

.

.

.

.

P1020487กุ้งที่ญี่ปุ่นกรอบและตัวอวบอ้วนมากๆ (นี่ขนาดคาไว้ในตู้เย็นนานเป็นชาติแล้วนะ)

.

.

.

.

.

P1020490กุ้งและปลาหมึกมีไม่เยอะ ต้องอัดเห็ดเข้าไปให้อิ่มท้อง

.

.

.

.

.

เครื่องปรุง

1. ข่า

2.ตะไคร้

3.ใบ้มะกรูด

4.หอมแดง

5.พริกขี้หนูสับ

6.น้ำปลา

7.น้ำมะนาว

8.นม low-fat

9.น้ำพริกเผา (คราวนี้ใช้ของแม่ประนอม…เพราะฉั่วฮะเส็งที่หอบมาจากเมืองไทยหมดไปแล้ว)

10.พริกแห้งคั่วให้หอม

11.ผักชี (ปกติ ต้องผักชีฝรั่งเท่านั้น แต่วันที่ไปร้านเอเชียฯ ของหมด T_T)

12.เห็ด

13.เนื้อกุ้ง หอย ปู ปลา กา ไก่ ค้างคาว นกฮูก ฯลฯ ใส่ไปเถอะค่ะ จุดนี้เจอรสเปรี้ยวๆเผ็ดๆกับกลิ่นเครื่องต้มยำกลบหมด ใส่อะไรก็อร่อยเหมือนกัน :p

.

.

.

.

.

ปริมาณของส่วนผสม…เหมือนเดิม…ชอบมากใส่มากชอบน้อยใส่น้อย แหะๆๆ อย่างบ้านนี้ถ้าใครมาเห็นถ้วยต้มยำอาจจะตกใจ เพราะใส่เครื่องต้มยำเยอะมากกกกกกก

.

.

.

.

.

แล้วรสชาติก็จัดจ้าน…ทั้งเปรี้ยวทั้งเผ็ด แต่เค็มนี่ไม่ค่อยโปรดเท่าไหร่

.

.

.

.

.

วิธีทำ

1.แรกสุดต้มน้ำให้เดือดก่อนเลยค่ะ

2.ระหว่างที่รอน้ำเดือนก็ปอกหอมแดง+บุบๆทุบๆ หั่นข่าเป็นแว่นๆ หั่นตะไคร้แบบเฉียง และทุบรากผักชีทิ้งไว้

3.พอน้ำเดือดก็โยนทุกสิ่งในข้อ 2 ลงไปในหม้อ จากนั้นก็รอให้น้ำเดือดอีกรอบ

4.ใส่น้ำปลา แล้วรอให้น้ำเดือดอีกรอบ

5.ใส่กองทัพเห็ด รอให้น้ำเดือด แล้วตามด้วยปลาหมึก และกุ้ง พอเห็นกุ้งใกล้ๆสุก ปิดไฟโลดค่ะ

6.จากนั้นตักน้ำพริกเผามาผสมกับนม low-fat คนๆๆๆให้เข้ากัน แล้วก็เทลงในหม้อ (จริงๆข้อนี้เตรียมไว้ก่อนก็ดีนะคะ จะได้ไม่ต้องล่ก)

7.ใส่พริกขี้หนูสับ (บางสูตรแค่บุบๆ แต่นี่สับเลย เพราะอยากได้แบบเผ็ดซี้ดซ้าด) ตามด้วยน้ำมะนาว

8.จุดนี้ขอให้ลองชิมค่ะ…ยังขาดรสไหนก็เพิ่ม หรือแก้กันตอนนี้

9.ถ้าคิดว่าโอเคแล้ว ก็ใส่พริกแห้งคั่ว แล้วก็ฉีกใบมะกรูดใส่ลงไป…เสร็จแล้วเปิดไฟ อุ่นให้เดือดอีกรอบ…ขอร้อนจัดๆ

10.ตักลงถ้วยแล้วโรยผักชี…เป็นอันเสร็จเรียบร้อย พร้อมรับประทาน

.

.

.

.

.

ต้มยำ…เป็นเมนูง่ายมากๆอีกเมนูนึง…แต่สูตรใครสูตรมันนะคะ คือบางคนก็หั่นตะไคร้เป็นท่อนๆ บางคนเอาพวกเครื่องต้มยำไปใส่ตอนท้ายๆก็มี…

.

.

.

.

.

อันนี้ก็ปรับๆใช้กันไปตามความชอบ และความสะดวกก็แล้วกันนะคะ

.

.

.

.

.

เอิ่ม…ตอนนี้ช้างหลับคาโซฟาไปเรียบร้อยแล้ว คงต้องขอตัวไปโทร.หาบริษัทรถตักมาช่วยตักช้างจากโซฟาไปโยนไปบนเตียงนอนก่อนนะคะ


น้ำพริกกะปิ+ผักนึ่ง+ปลาซาบะย่าง

จริงๆแล้วตั้งใจจะทำเมนูนี้มาหลายวันละ แต่กว่าจะกลับมาถึงแถวบ้านคุณซู้ป้า (ซุปเปอร์มาร์เก็ตนั่นแหละ) ก็ปิดไปซะแล้ว

.

.

.

หรือบางวันกลับมาทัน…แต่ไม่มีปลาเหลือซักกะตัว เนื่องจากถูกบรรดาคุณแม่บ้านขาชาวญี่ปุ่นสอยไปจนแทบจะราบตั้งแต่บ่ายแก่ๆ

(more…)


Homemade Salad Bar

หนึ่งในวิธีที่คิดว่าจะช่วยให้ช้างยุ่นสามารถอวดหุ่นเพรียวได้ภายในระยะเวลา 3 เดือนก็คือ “การควบคุมอาหาร”

.

.

.

“การควบคุมอาหาร” ไม่ได้หมายถึงแค่ให้ลดปริมาณการกินเท่านั้น แต่ครอบคลุมไปจนถึงการเลือกชนิดของส่วนประกอบในการทำอาหาร หรือกำหนดประเภทของอาหารมื้อนั้นๆด้วย เพราะถ้าจะลดปริมาณอาหาร แต่อาหารที่กินยังเป็นจำพวกกระดูกหมูติดมัน ไข่พะโล้ แกงเขียวหวานกะทิมันย่อง หรือพวกเครื่องในสัตว์ที่ปริมาณแคลอรี่สูงๆแล้ว ทุกอย่างที่ทำไปก็เท่ากับสูญเปล่า…อาจจะต้องเดินไปส่องกระจกแล้วพูดกับตัวเองว่า “เพื่อ?!?!”

(more…)


ยำรวมมิตรทะเล+หมูทอดกระเทียมพริกไทย

เมื่อวาน ช้างที่บ้านบ่นว่า “แปร๊นๆๆ เค้าอยากกินอาหารทะเลล่ะ”

.

.

.

วันนี้ก็เลยตามใจช้าง ด้วยการหาเมนูที่คิดว่าน่าจะสนองตัณหาได้พอประมาณ แบบที่ไม่ลำบากแม่ครัวนัก…ก็นั่งๆคิดว่าจะทำอะไรดีน้าาาาา…เปิดเน็ตไปเรื่อยเปื่อย ก็มาเจอกับเมนูนึง…กรี๊ดดดดด ใช่แล้วอ่ะ “ยำ” ใช่ๆๆๆๆ  ทำยำให้ช้างกินดีกว่า

ยำรวมมิตรทะเล แซ่บๆ!!!

(more…)


กาลเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน…

ไม่อยากจะเชื่อ ว่าเวลาเพียงแค่ 1 ปี จะทำให้คนๆหนึ่งเปลี่ยนไปได้มากมายขนาดนี้

.

.

คนที่พูดถึงนี่ไม่ใช่ใคร…ก็ “พิม” นี่เองแหละ…:P

(more…)