กาลเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน…
ไม่อยากจะเชื่อ ว่าเวลาเพียงแค่ 1 ปี จะทำให้คนๆหนึ่งเปลี่ยนไปได้มากมายขนาดนี้
.
.
คนที่พูดถึงนี่ไม่ใช่ใคร…ก็ “พิม” นี่เองแหละ…:P
จั่วหัวแบบนี้ เหมือนจะเป็นเรื่องร้ายๆ แต่จริงๆแล้วเปล่าเลย เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี จุดนี้คงต้องยกความดีความชอบส่วนนึงให้กับยุ่นสุดที่รัก
.
.
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือ ก็คือ ความสามารถในการทำอาหาร
.
.
จริงๆตอนนี้ก็ยังไม่ได้เก่งกาจอะไรหรอก ยังไม่ได้เสี้ยวนึงของคุณแม่ คุณยาย พี่ปลา (พี่สาวสุดที่รัก)หรือว่า blogger ดังๆแห่งbloggang อย่างคุณแม่สลิ่มเล้ยยย
.
.
แต่หากเปรียบเทียบกับแต่ก่อน ตั้งแต่เป็นเด็กน้อยมาจนถึงอายุปัจจุบันที่ใกล้จะย่างเข้าเลข 3 เต็มทน นี่เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดมากๆ
.
.
คนที่น่าจะตกใจกับความเปลี่ยนแปลงนี้มากที่สุด เห็นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “คุณแม่แมวน้ำสุดที่รัก” (คุณแม่ของพิมเองนั่นล่ะค่ะ “แมวน้ำ” เป็นนามแฝงที่เอาไว้เรียกคุณแม่กันในครอบครัว คนรุ่นใกล้ๆจะสามสิบน่าจะพอจำได้ว่า สมัยนึงเมื่อนานนนนนมากๆมาแล้วแฟชั่น leggings เคยฮิตมากๆ ตอนนั้นนี่ คุณแม่ใส่ leggings สีดำแทบทุกวัน วันนึงมีลูกพี่ลูกน้องคนนึงมาเรียกคุณแม่ว่า “คุณอาแมวน้ำ” ตอนนั้นก็งงว่าทำไม ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นก็บอกว่า “ก็พอใส่กางเกงแบบนั้นแล้วมันเหมือนผิวแมวน้ำเลยอ่ะ” ตั้งแต่นั้นมา คุณแม่ก็มีนามแฝงว่า “คุณแม่แมวน้ำ” ไปโดยปริยายค่ะ)
.
.
เพราะตั้งแต่เล็กจนโต คุณแม่พยายามจะปลูกฝังเรื่องการเป็นแม่ศรีเรือนที่ดีให้ ฮ่าๆ แต่ก็ไม่เคยสนใจจะรับ know how (แบบที่ไม่ต้องจ่ายสตางค์ซักบาทเดียว) จากคุณแม่เลยซักกะนิด
.
.
ตั้งแต่ตอนเล็กๆ คุณแม่จะหนีบพิมเข้าครัวด้วยตลอด ให้เป็นลูกมือ ช่วยอะไรๆก้อกๆแก้กๆเท่าที่ความสามารถเด็กตอนนั้นจะพอทำได้ เช่น ตอกไข่ลงถ้วยให้สวยงาม แบบไม่มีเปลือกไข่แตกผสมลงไปในถ้วย ล้างหั่นเนื้อสัตว์ แกะเปลืองกุ้ง ปอก และหั่นผักผลไม้ จำพวกที่ทำง่ายๆ เช่น แตงกวา แครอท มะม่วง ปอกกระเทียม (อันนี้ยากมากๆ เพราะกระเทียมบ้านเรากลีบเล็ก ไม่เหมือนที่ญี่ปุ่นที่กระเทียมลูกใหญ่เท่ากำปั้น เปลืองก็ปอกออกง่ายมากๆ) เด็ดคั่วพริก เป็นต้น
.
.
จริงๆคุณแม่ก็พยายามจะให้ช่วยทุกอย่าง ถึงจะทำออกมาแล้วดูผิดรูป หรือเละๆก็ไม่เป็นไร จำได้ว่าคุณแม่ไม่เคยดุ เวลาคุณแม่สอนอะไรนี่จะใจเย็นมากๆ ค่อยๆทำให้ดู แล้วก็คอยสังเกตการณ์ พร้อมกับแนะนำอย่างตั้งใจ…แต่…เป็นนักเรียนเองที่ไม่รักดี งอแง โวยวายสารพัด คือตอนนั้นมันเด็ก ก็อยากจะไปวิ่งเล่น ดูการ์ตูนตอนเย็นบ้างอะไรบ้าง เลยทำให้เวลาคุณแม่สอนทำครัว ไม่ค่อยมีสมาธิ ไม่สนใจ และไม่ได้จดจำเทคนิคอะไร สักแต่ว่ารีบทำๆให้มันจบๆไปอย่างเดียว พอโตๆขึ้นมาหน่อยนี่ยิ่งไม่แตะเลย เพราะไม่มีเวลา มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการเรียนพิเศษ อยู่ม.ต้น ก็เตรียมสอบเข้า ม.ปลาย อยู่ม.ปลายก็เตรียมเอนท์ ชีวิตวุ่นวาย พอเข้ามหาลัยก็ทำกิจกรรม มีเวลาว่างเสาร์อาทิตย์ก็ไม่ค่อยจะอยู่บ้าน ต้องออกไปซิ่งที่โน่นที่นี่ตลอด…
.
.
แต่มาวันนี้…ฮ่าๆ…มันเปี๋ยนไป๋แล้วค่าาาาาาาาาาาา (น้ำตาไหลพรากกกก)
.
.
หลังจากที่แต่งงานกับยุ่น นับรวมเวลาจนถึงปัจจุบันก็หนึ่งปีนิดๆ ก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกันว่า หนึ่งปีที่ผ่านมา เราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปได้ขนาดนี้…
.
.
ก็ไม่ได้อยากจะน้ำเน่า…แต่คิดว่า คงเป็นเพราะ “ความรัก” รึเปล่าน้าา ฮิๆ…พูดอย่างงี้คุณแม่มาอ่านอาจจะงอนได้ ประมาณว่า “อ้าว…อย่างงี้แสดงว่าไม่รักชั้นหรออ”…
.
.
ไม่น้าๆๆ ไม่ใช่อย่างงั้นอ่ะ รักคุณแม่สุดๆจะตาย ยิ่งต้องระหกระเหินมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้ ยิ่งรัก เป็นห่วง แล้วก็คิดถึงมากขึ้นเป็นทวีคูณ อย่างที่บอก ตอนนั้นมันเด็ก พอขาดความเอาใจใส่ แล้วพอไม่มีใครคอยกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ก็เลยกลายเป็นหมดความสนใจไปในที่สุด
.
.
พอจะแต่งงานออกเรือน…สมองเลยทำการสั่งการ…ประมาณว่า “จะแต่งงานแล้วนะ ถ้าหล่อนออกเรือนไปแล้วทำกับข้าวไม่เป็น ชีวิตจะต้องลำบากแน่ๆ” เพราะยุ่นเองก็ไม่ได้ถนัดเรื่องทำกับข้าวอะไรซักเท่าไหร่ แล้วถ้าพิมยังทำไม่เป็นอีก แต่งงานไปสงสัยจะหมดตัวจากการออกไปกินข้าวนอกบ้านตลอดเวลาเป็นแน่แท้
.
.
นอกจากเรื่องกลัวหมดเงิน ก็ยังคิดอีกด้วยว่า “ดีออกจะตาย ถ้าสามารถมีเสน่ห์ปลายจวักน่ะ”
.
.
ตามคำโบราณที่ว่า “มีเสน่ห์ปลายจวัก กวักเรียกปั๋วววว”
.
.
ฮิๆๆ อันนี้เป็นความจริงที่ต้องยอมรับ ถ้าสามารถทำอาหารได้เก่งๆ ประมาณว่า ทำได้หลากหลายประเภท แล้วก็รสชาติอร่อยในแบบฉบับที่ยุ่นชอบเป็นหลัก ยุ่นจะต้องติดกับดัก อยากรีบกลับมาทานข้าวที่บ้านทุกเย็นเป็นแน่แท้ ยิ่งเป็นคนกินเก่งแบบนั่นนี่รับรอง…อยู่หมัดๆๆ
.
.
หลังจากคิดสะระตะต่างๆนานา ก็เลยเริ่มปฎิวัติตัวเองอย่างจริงจัง…ก็เริ่มจากการเรียนกับคุณครูคนเดิม ที่ห่างหายจากการเข้าคอร์สกับแกไปเป็นสิบปี “คุณครูคุณแม่แมวน้ำนั่นเอง”
.
.
คุณครูก็เริ่มถ่ายทอดเคล็ดวิชาต่างๆให้ ตั้งแต่การไปจ่ายตลาด เลือกของสดๆต่างๆ การหั่นเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ และการเก็บถนอมเข้าตู้เย็น รวมไปถึงขั้นตอนการทำ และปรุงอาหารเมนูพื้นฐานต่างๆ
.
.
นอกจากเรียนกับคุณครูแล้ว ก็ยังพยายามไปหาซื้อหนังสือทำอาหารมาลองทำตาม แต่พักหลังๆนี่จะพึ่งพาอินเตอร์เนตซะมาก เพราะง่าย เร็ว สะดวก และที่สำคัญคือ “ฟรี”
.
.
พอต้องย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นกับยุ่นสองคน ก็ถือเป็นโอกาสดีที่ได้ฝึกฝนอย่างแท้จริง เพราะว่าต้องทำอาหารเลี้ยงช้างถึง 3 มื้อ (จริงๆมื้อกลางวันนี้ไม่ได้ทำใหม่ เพราะเป็นข้าวกล่อง โดยเอาส่วนที่เหลือจากอาหารเย็นห่อไปให้ทานเป็นข้าวกลางวัน) ชีวิตก็เลยวุ่นวายอยู่แต่กับการทำกับข้าว
.
.
แรกๆนี่เวลาทำอาหาร ครัวจะรกรุงรังมากๆ เพราะบ้านที่ญี่ปุ่นมันแคบมาก พื้นที่สำหรับเตรียมทำอาหารก็เล็ก ทำอาหารเสร็จสวยงามแต่ครัวรกอย่างกับอะไรดี หลังๆมา ก็พยายามจัดระเบียบการทำครัวให้ดีขึ้น คือคุณแม่สอนว่า “ให้ทำไป เช็ดไป ล้างไป เก็บไป…พอทำครัวเสร็จ ทุกอย่างก็จะสะอาดสวยงาม ไม่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งซักล้างให้มากเรื่อง” ซึ่งก็จริงของคุณแม่ คืออาจจะกินเวลามากหน่อย แต่รับรองได้เลยว่า ใช้เวลาน้อยกว่าทำรกๆไว้ แล้วต้องมาตามล้างตามเช็ดกันตอนหลังอย่างแน่นอน
.
.
ตอนนี้พูดได้เลยนะว่ารัก และมีความสุขกับการทำอาหารมาก ตั้งแต่นั่งคิดเมนู ออกไปจ่ายตลาดที่ซุปเปอร์ ทำอาหาร ปรุงรส และที่มีความสุขที่สุดก็คือ ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุขจากการกินอาหารที่ชอบอย่างเอร็ดอร่อย…ก็ไม่รู้ว่าคนอื่นมากินแล้วจะบอกว่าอร่อยมั้ย แต่ ณ ตอนนี้ ยุ่นบอกว่า อร่อยมากกกกกกกก ก็พอใจแล้ว…
.
.
สิ่งที่คิดอยากจะพัฒนาต่อไปหลังจากนี้ก็คือ อยากที่จะทำอาหารได้หลากหลายประเภทขึ้น ตอนนี้ถนัดแต่อาหารไทย (ก็ยุ่นชอบกินอาหารไทยหนิ!!) อยู่ญี่ปุ่นซะเปล่าแต่กลับทำเมนูญี่ปุ่นๆไม่ค่อยเป็น อยากทำพวกซูชิ ข้าวปั้นเป็นมากๆ พวกอาหารฝรั่งก็อยากทำเป็น ตอนนี้ได้แต่พวกสปาเก็ตตี้ อาหารจีนก็ด้วย…แต่อาหารจีนนี่ท่าจะทำให้อร่อยยาก เพราะเตาแก๊สที่บ้านไฟไม่ได้แรงมากๆ แถมยังไม่มีกระทะแบบจีนอีกด้วย คงต้องเก็บไว้พัฒนาฝีมือหลังจากกลับไปเมืองไทยแล้ว…
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
น้ำลายไหล
2009/06/20 at 4:28 AM
โอยยยยยย น้ำลายไหล อิจฉาสามีคุณพิมจังเลยครับ
(ตึง!!! (-o-#) ก็เอ็งนั่นแหละ สามีเค้า!!!!!)
เรื่องอย่างนี้จะถามใครเป็นไม่ได้นอกจากยุ่นเอง
ว่าอาหารของพิมอร่อยมากกกกกกกกกกกกกก
จนถึงขั้นทำให้อยากจะเลิกงานกลับบ้านมาไวๆ มาทานข้าวเย็นกับพิมเร็วๆเลยล่ะ
ต้ิองขอบอกว่า ช้าง”ปางพิม”นี่ไฮโซนะ ไม่ได้ทานแค่อ้อย แต่ต้องหรูและอร่อย ฮ่าๆๆ
2009/06/22 at 2:31 PM
ขอบคุณครับ
2014/07/20 at 6:48 PM