โฉมหน้ายารักษาสิว และค่าเสียหาย
ความเดิมตอนที่แล้ว ประสบการณ์หาหมอ(สิว)ครั้งแรกในญี่ปุ่น
.
.
.
ไปรับยามาเรียบร้อยแล้วค่าาาา!!! เมื่อวานก่อนนี้เองงง
.
.
.
จริงๆแล้วไปหาคุณหมอมาตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่เพิ่งได้ยามาก็เพราะว่า…(โห่ยย…เรื่องยาววววมั่ก)
.
.
.
คือเมื่อวันเสาร์ พอหาคุณหมอเสร็จ ก็ไปร้านขายยากันเลย พอไปถึง ก็ยื่นใบสั่งยาให้เภสัชกรที่ร้านยา เค้าก็เข้าไปจัดๆยา…แต่ซักแป๊บนึง ก็ออกมาด้วยสีหน้าดูหนักใจ แล้วก็พูดว่า
“ขอโทษด้วยจริงๆค่ะ ทางร้านเราขาดยาตัวนึง ยาจะเข้ามาวันพุธ…”
“ถ้าไม่สะดวกมารับ ร้านเรามีบริการส่งไปถึงที่บ้านนะคะ…”
พิมกับยุ่นก็มองหน้ากัน…เอาไงดีหว่าาา
.
.
.
สุดท้ายก็บอกเค้าไปว่า ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวยังไงจะลองไปหาที่อื่นดู เพราะอยากจะได้ยามากินเร็วๆ…ในใจก็คิดว่า โอ๊ยยย มีร้านยาเยอะแยะ เดี๋ยวยังไงก็ต้องมีซักร้าน
.
.
.
แต่พอออกมานอกร้าน มองนาฬิกาแล้วแทบจะเป็นลม เพราะ…มันใกล้จะหกโมงจะครึ่งแล้ว ซึ่งหมายความว่า ร้านยาน่าจะใกล้ปิดกันหมดแล้ว…เลยรีบปั่นไปหาร้านอื่นกันสุดฤทธิ์ เหนื่อยโฮกมากๆ
.
.
.
ซึ่งสุดท้ายก็เจอว่ามีร้านนึงยังเปิดอยู่ ก็รีบวิ่งเข้าไปด้วยหัวใจพองโต คือจุดนั้นคิดว่า โอ๊ยย โชคดีสุดๆ หามาตั้งหลายร้านในที่สุดก็เจอ…โชคเข้าข้างสุดๆ
.
.
.
แต่ดีใจได้อยู่แค่แป๊บเดียว เพราะซักพัก คุณเภสัชกรแกก็เดินมาบอกว่า…
“เอ่อ…ขอโทษครับ…เราไม่มียาตัวนึงครับ”
.
.
.
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เป็นยาตัวเดียวกับที่ร้านก่อนหน้าไม่มี…ให้ตายสิ…อะไรกัน…ทำไมถึงขาดตลาดขนาดนี้นะ มันคือยาอะไรเนี่ยะ!!!!
.
.
.
สรุปว่า…วันเสาร์ที่ผ่านมา เลยคอตกกลับบ้าน…วันอาทิตย์ร้านขายยาก็ปิดหมด…เฮ้ออ ก็คงต้องเป็นวันจันทร์ เซ็งๆๆๆ…
.
.
.
พอวันจันทร์มาถึง ก็ไปร้านขายยาร้านใหม่ ร้านนี้ดูใหญ่โต คิดในใจว่า ยังไงต้องมีๆๆๆๆ…
.
.
.
“ขอโทษครับ…ทางร้านขายยาของเราไม่มียาตัวนึง”
.
.
.
ความรู้สึกตอนนั้นแทบอยากจะหยุดหายใจ…ในใจคิด…“เอิ่มมม…ตลกและ”
.
.
.
ก็เลยถามกลับไปว่า แล้วยาจะมาวันไหน เค้าก็บอกว่า เดี๋ยวต้องเช็คกับบริษัทยาก่อนว่าจะมาส่งได้เมื่อไหร่ เร็วที่สุดก็น่าจะเป็นพรุ่งนี้…เสร็จแล้วเค้าก็ขอเบอร์โทรศัพท์ไป บอกว่า ยามาเมื่อไหร่จะโทร.ไปแจ้ง…
.
.
.
ตอนนั้นเป็นอารมณ์เหนื่อยมากๆแล้ว ขี้เกียจไปหาร้านอื่น พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้ฟระ เห้อออ…จุดนี้คงทำอะไรไม่ได้นอกจาก คอตกกลับบ้าน และนั่งรอโทรศัพท์อย่างพาสสีฟ
.
.
.
แต่วันอังคารตอนเช้าาาาา ก็ได้รับโทร.ศัพท์จากร้านขายยา ว่า “ยาที่สั่งมาถึงแล้วครับ”
.
.
.
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด…ในที่สุด ก็จะได้พบกันแล้วหรอ คุณยา!!!
.
.
.
ไม่รู้เป็นเหมือนกันทุกร้านทั่วญี่ปุ่นรึเปล่า แต่ร้านขายยาร้านนี้ใส่ยาในซองกระดาษ ซึ่งบนซองก็มีการพิมพ์รายละเอียดเกี่ยวกับตัวยา โดส และวิธีการรับประทานยาไว้เรียบร้อย
สังเกตด้านบนสุดของซองจะมีตัวคันจิสีน้ำเงิน และแดงเขียนไว้
โดยที่สีน้ำเงิน (เบอร์ 1) หมายถึง ยาที่ใช้ภายใน และสีแดง (เบอร์ 2 กับ 3) เป็นยาใช้ภายนอก
พิมพ์ไว้ตัวใหญ่เท่าบ้าน…ประมาณว่า ถ้าใครใช้ผิดก็ควรไปลาตายซะ!!
.
.
.
ยากินที่คุณหมอสั่งมาให้มีด้วยกัน 3 ชนิดค่ะ เป็นยาแก้อักเสบ แล้วก็วิตามิน บี 2 และ บี 6
อยากให้สังเกตวิธีการแพคยา…มีการโชว์แผงยาไว้ด้านหลังด้วย
.
.
.
อันนี้เป็นยาทาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
.
.
.
อันนี้คนเคยเป็นสิว เห็นแค่หลอดก็น่าจะพอเดาได้ว่าคือยาอะไร…
ใช่แล้วค่ะ!!!
Differin gel นั่นเอง!!!
แอบงง..เพราะที่บ้านเราสามารถหาซื้อได้เองตามเคาท์เตอร์ หรือร้านขายยาทั่วไป
แต่ที่ญี่ปุ่นนี่ถึงขั้นต้องใช้ใบสั่งยาเชียวหรือ…?!?!
.
.
.
นี่เป็นพรินต์เอาท์ขนาด A4 ที่ทางร้านขายยาแนบมาให้พร้อมกับยา
มันคือใบที่บอกข้อมูลเกี่ยวกับยาอย่างละเอียด ตั้งแต่ หน้าตาของยา ข้อบ่งใช้ ขนาดและวิธีการใช้ รวมถึงคำเตือนถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
สรุปรวมข้อมูลของยาทุกชนิดที่จ่ายให้คนไข้อยู่ในกระดาษแผ่นเดียว
สุดยอดอ่ะ!!!
นี่แหละค่ะ typical คนญี่ปุ่น…!!!
ดูเหมือนย้ำคิดย้ำทำนะคะ แต่จริงๆแล้วส่วนตัวคิดว่าดีมากๆเลย
คือใบเดียวจบเลย ไม่ต้องมานั่งกางเอกสารกำกับยาทุกใบ แล้วค่อยๆไล่อ่านไปทีละใบ
แล้วตัวหนังสือในเอกสารกำกับยานี่ ส่วนใหญ่จะเล็กจิ๋วมากซะจนทำให้หมดความพยายามในการอ่านไปซะก่อน
ท้ายที่สุดก็เลยกลายเป็นว่า ก็กินๆใช้ๆไป โดยที่ไม่ค่อยได้รู้หรอกว่า มันมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง
แต่เป็น A4 แบบนี้มันน่าอ่าน แล้วยิ่งทำเป็นตาราง…ก็ยิ่งเข้าใจง่าย
ประทับใจๆ
.
.
.
มี scan รูปร่างหน้าตาของยาใส่มาด้วย…เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น
.
.
.
บอกชื่อ และ ผลของยา
.
.
.
วิธีการใช้ และปริมาณการรับประทานยา
อย่างในนี้ก็เขียนไว้ว่า
หนึ่งครั้งหนึ่งเม็ด
หนึ่งวันสองครั้ง
หลังอาหารเช้าแ ละเย็น
สำหรับ 42 วัน
.
.
.
และยังมีคำเตือนอีกยาวเหยียด
.
.
.
อ่ะๆ เอามา recheck ซะหน่อย ว่าถูกต้องมั้ยนะ
.
.
.
โอเค…ผ่านนนน
.
.
.
อันนี้ก็ไม่มีปัญหา
.
.
.
อันนี้ก็ถูกต้องเช่นกันค่ะ!!
.
.
.
สุดท้ายละ…อ๊กเก่!!!
(พูดคำว่า ok สำเนียงคนประเทศจาปัง)
.
.
.
ค่าเสียหายทั้งหมดตีกลมๆก็ สามพันเยนเท่านั้น…ถูกมากกกกกกกกกกก
แต่…
ฮ่าๆ อันนี้คือทำประกันสุขภาพไว้อ่ะค่ะ จ่ายเงินค่าประกันกับรัฐบาลทุกเดือน
เค้าก็เลยจะคิดค่าบริการเวลาไปตรวจรักษาโรค หรือว่าค่ายาเพียงแค่ 30% ของราคาจริง
เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีประกันสุขภาพก็ต้องจ่ายประมาณ หมื่นเยน…
หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 3,600 บาท!!!!
เฮือกกกกกก ถ้าต้องจ่ายเงินค่าหาหมอสิวสามพันหกต่อครั้งนี่ขอเป็นสิวปุปะไปตลอดชีวิตดีกว่า
.
.
.
เอาล่ะ ก็ตั้งหน้าตั้งตากินและใช้ยาไป…
อีกเดือนครึ่งเจอคุณหมอคุณแม่คาวาโนะคุงอีกรอบ
หวังว่าจะดีขึ้นนะ…โฮๆๆ
.
.
.
ถุงยาหน้าตาดีมาก
เห็นแล้วอยากรับประทานโดยไม่มีสาเหตุเภทภัย
ปล.ข้อมูลเกี่ยวกับยาที่เวอร์มาก แต่ก็นะ เรื่องของสุขภาพคนญี่ปุ่นนี่มาก่อนจริงๆ
2009/06/26 at 5:42 PM
เนาะๆๆ ไม่งั้นคงไม่ได้เห็นคุณปู่คุณตาคุณย่าคุณยายอาม่าอากง ชาวญี่ปุ่นวัยเฉียดร้อยมาเดินขึ้นรถไฟให้เห็นกันหรอกเนาะ…คนที่นี่ถึกและแข็งแรงสุดๆจริงๆง่ะ นับถือๆ
2009/06/26 at 8:30 PM
ใบกำกับยาเริ่ดมากกกกกกกกกกก
ลงทุนปรินท์รุปยาทุกอย่างไว้ในใบเดียว
ส่วนเรื่อง prescription นี่กรูซึ้งใจดี กว่าจะหาหมอเสร็จ วิ่งไปแล็บ วิ่งไปซื้อยา
หมดไปหนึ่งวัน -*-
2009/07/14 at 1:40 PM
นั่นดิวะ…จุดนี้เมืองไทยเริ่ดสุดแล้วอ่ะ วันสต๊อปช้อปปิ้งจริงๆ
2009/07/15 at 1:42 AM
โห ซะงั้น~!!!
แต่ packaging ยาดูไฮโซมากๆเลยค่ะ 555
2009/07/23 at 6:04 PM
อยากสอบถามว่าสรูปมันดีมั่ยอะค่ะ คือรับไม่ได้กับหน้าตัวเองเหมือนกันTT
2014/05/19 at 10:32 PM