ประสบการณ์หาหมอ(สิว)ครั้งแรกในญี่ปุ่น
หลังจากที่ได้ถกเถียงกับยุ่นมาเป็นระยะเวลานึงบนหัวข้อที่ว่า “จะไปหรือไม่ไปหาหมอสิวดี??”
.
.
.
ท้ายที่สุด ก็ได้ผลสรุป…ว่า…
.
.
.
ไป!!!! (ก็ด้ะ)
.
.
.
เนื่องจากได้พยายามอดทนรอแล้วรอเล่า รักษาตัวเองด้วยวิธีต่างๆนานา เป็นระยะเวลาเกือบครึ่งปี “คุณพี่สิว” ก็ไม่มีท่าทีว่าจะโบกมืออำลาไปจากใบหน้าของอิชั้นไปซะที โฮๆๆๆ
.
.
.
ซึ่งได้สร้างความเศร้าสร้อยเหงาหงอยเซ็งจิ๊บให้กับตัวเอง และในที่สุดอาการจิตตกก็ได้ลามไปถึงผู้เป็นสามี เพราะต้องฟังคุณภรรยานอนบ่นเป็นหมีกินผึ้งเกี่ยวกับหน้าอันปุปะของตัวเองทุกค่ำคืน
.
.
.
เมื่อช่วงบ่ายของวันพฤหัสที่ผ่านมา เลยโทร.ไปกรีดร้องกับยุ่นให้หาข้อมูลเกี่ยวกับคุณหมอสิว ที่ชิบุย่า ให้หน่อย เรื่องของเรื่องคือ เคยได้อ่านกระทู้พันทิพครั้งนึงเมื่อนานมาแล้ว มีคนเข้ามาแนะนำว่ามีคุณหมอรักษาสิว และโรคผิวหนังทั่วไปท่านนึง เปิดคลีนิคอยู่ที่ชิบุย่า ดังมากๆ คือ รักษาแล้วหาย (ไม่เลี้ยงไข้) แล้วที่สำคัญคือราคาไม่ได้แพงเท่าไหร่ ก็เลยคิดไว้ว่า ถ้าจะต้องหาหมอสิวที่ประเทศนี้ ก็คงจะไปหากับคุณหมอคนนี้ล่ะ
.
.
.
พอแจ้งความจำนงแบบรู้สึกเสียเชิงเล็กน้อยกับยุ่นเรียบร้อย เพราะจริงๆแล้วยุ่นรบเร้าให้ไปหาหมอสิวตั้งแต่วันแรกที่สิวเริ่มขึ้น แต่ก็เป็นคนเถียงคอเป็นเอ็นเองว่า…
“ชิ…จุดนี้หายเองได้อ่ะ ไม่ต้องเสียเงินให้ยุ่งยากหรอก”…
ไงล่ะ งกนัก…เข้าตำรา…เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย ในที่สุด
ยุ่นก็ตอบกลับมาว่า…
.
.
.
“โอเคๆๆ ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวเค้ารีบจองให้ แล้วไปกันเสาร์นี้เลย…เอาเป็นคุณหมอที่ชิบุย่าที่เคยคุยกันไว้นะ”
.
.
.
แต่พอเย็นวันเดียวกัน อาการก็เหมือนดีขึ้นเล็กน้อย สายๆของวันศุกร์ ยุ่นเลยโทร.มาถามอีกที ว่ายังจะไปหาอยู่รึเปล่าน่ะหมอสิว…ตอนนั้นก็แอบงง ประมาณว่า อ้าว ไม่ใช่ว่าจองไปแล้วหรอกหรอ ก็เลยพูดกลับไปว่า…
.
.
.
“อ้าวว…ไปสิจ๊ะ…ก็จองไปแล้วไม่ใช่เหรอ??”
.
.
.
แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาคือ…
.
.
.
“…เอ่อ…คือ…ยังจ่ะ…”
จุดนั้นเหมือนยุ่นรู้ตัวว่ากำลังจะโดนระเบิดลูกใหญ่ถล่ม เลยรีบแก้ตัวเป็นพัลวันว่า..
.
.
.
“คืองี้จ่ะ…เมื่อวานอ่ะ ก่อนจะจองคุณหมอที่ชิบุย่า ยุ่นเลยลองไปถามคาวาโนะคุงว่า เฮ้ยย รู้จักหมอสิวดีๆมั้ยวะ อยากจะพาพิมไปหาวันเสาร์นี้ว่ะ แค่จบประโยคเท่านั้นอ่ะ มันก็มาฟาดอย่างแรงที่แขนยุ่น แล้วก็บอกว่า…แสรดดดด ก็แม่กูไง”
.
.
.
ขอเล่าแทรกนิดนึงค่ะว่า คาวาโนะคุงนี่เป็นเพื่อนสนิทของยุ่นตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาโทที่นี่ แล้วโอก้าซังของคาวาโนะคุงเป็นคุณหมอผิวหนัง และที่สำคัญคือ มีคลินิคหรูหราเป็นของตัวเองซะด้วย
.
.
.
คาวาโนะคุงเลยรีบบอกให้ยุ่นโทร.ไปจองคิวตรวจกับแม่ตัวเอง ห้ามไปตรวจที่อื่นเด็ดขาด
.
.
.
ก็โทร.ไปจอง ตามการบีบบังคับของเพื่อน แต่ผลคือ “คนไข้เต็มหมดแล้ว!!!” คือวันเสาร์นี่เปิดแค่ครึ่งวัน แล้วคนส่วนมากก็อยากจะมารักษาวันเสาร์กันทั้งนั้น เพราะวันธรรมดาต้องทำงานทำการกัน แต่จุดนี้…ฮ่าๆ…พอคาวาโนะคุงรู้ว่าเต็ม…ก็ตามคาด…คือรีบโทร.สายด่วนฮอทไลน์หาโอก้าซัง แล้วขอคิวตรวจพิเศษให้ทันที ซึ่งโอก้าซังก็บอกกลับมาว่า…
.
.
.
จริงๆคลินิคปิดเที่ยง แต่ยังไงให้พิมกับยุ่นมาตอนบ่ายโมงครึ่ง จะตรวจให้เป็นพิเศษ…และทิ้งท้ายด้วยคำว่า “ฟรี…………………….”
.
.
.
กรี๊ดดดดดดด โอก้าซังใจดีที่สุดดดด!!! แต่…เฮ้ออออ เนี่ยะแหละ ที่ไม่อยากไปตรวจหรือใช้บริการอะไรของเพื่อน หรือคนรู้จัก เพราะเดี๋ยวเค้าต้องมาคิดราคาพิเศษให้ หรือไม่ก็ฟรีไปเลย…ไอ้ของฟรีก็ชอบอยู่หรอก แต่มันก็เกรงใจอ่ะ
.
.
.
………………………………………………………………
.
.
.
เช้าวันเสาร์…ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงเตือนจากมือถือของยุ่นว่ามี missed call…พอเปิดดู…อ้าว จากคาวาโนะคุง…
.
.
.
ตอนนั้นก็คิดในใจกับยุ่นว่า…เอ่…สงสัยจะโทร.มา cancel รึเปล่านะ เลยรีบให้ยุ่นโทร.กลับไปหา…สรุปว่าสิ่งที่ได้ยินจากคาวาโนะคุงคือ…
.
.
.
“เฮ้ยยย ตรวจเสร็จแล้วมีธุระไปไหนกันป่าววะ…พ่อกูอยากเลี้ยงข้าวมึงกับพิมว่ะ!!!”
.
.
.
งึงงงงงงงงง…พิมกับยุ่นอึ้งไปเล็กน้อย…แบบว่าจะตรวจให้ฟรี แล้วอยากจะเลี้ยงข้าวเราอีก ม่ายยยยยยยยย ไม่เอาทั้งสองอย่างอ่ะ
.
.
.
พอคาวาโนะคุงถามมาแบบนั้น ยุ่นเลยบอกให้คาวาโนะคุงรอแป๊บนึง แล้วหันมาเล่าสถานการณ์ให้พิมฟัง แล้วก็คุยกันว่า เอาไงดี…
.
.
.
ก็คุยกันว่า…ไม่อยากให้แกเลี้ยงเลย เกรงใจ…
.
.
.
สุดท้าย เลยได้ข้อสรุปแบบด่วนๆว่า…บอกคาวาโนะคุงไปละกัน ว่า บ่ายสามโมงมีดูหนัง แล้วก็ซื้อตั๋วหนังไว้แล้ว…(โกหกเพื่อนซะงั้น…แต่ก็นะ…อันนี้มีจุดมุ่งหมายที่ดีนะ ไม่ได้โกหกเพื่อหวังจะคิดร้ายอะไรแต่อย่างใด)
.
.
.
คือ เผื่อว่าคุณพ่อจะล้มเลิกความตั้งใจที่จะชวนไปทานข้าว…สรุปก็บอกคาวาโนะคุงไปแบบนั้น ผลจะไปยังไง ก็ไปว่ากันหน้างานก็แล้วกัน
.
.
.
………………………………………………………………
12.30 น. ฉุบปั๊ดสึ!!! ออกเดินทาง!!!
.
.
.
ไม่ลืมที่จะมีของฝากติดไม้ติดมือไปให้โอโต้ซัง กับโอก้าซัง…
คนญี่ปุ่นเค้าถือมากๆเลยนะคะ
เรื่องที่เวลาไปมาหาสู่กันแล้วต้องมี 手お土産 (เทะโอมิยาเหงะ)
หรือของติดไม้ติดมือไปฝากกันเนี่ยะ
.
.
.
การจะเดินทางไปที่คลินิค จากบ้านพิม จะต้องขึ้นรถไฟไปลงที่สถานี 明大前 (เมไดมาเอะ)
คลินิคโอก้าซังอยู่สถานี 高幡不動 (ทากาฮาตะฟุโด) บนสาย 京王 (เคโอ) เพราะฉะนั้น จากสถานีเมไดมาเอะ จะต้องเลือกนั่งรถไฟที่มุ่งหน้าไปสถานี 京王八王子 (เคโอฮาจิโอจิ)
โดยควรเลือกเป็นรถไฟประเภท 潤特急(จุนถกคิว) หรือด่วนพิเศษ ซึ่งจะใช้เวลาเพียงแค่ 20 กว่านาทีเท่านั้น
.
.
.
มาถึงแล้วค่า…พี่จุนถกคิวเค้าซิ่งจริงๆ!!!
เห็นยุ่นบอกว่า สถานีนี้ใหญ่ใช้ได้เลย เพราะว่าเป็นสถานีที่สามารถเชื่อมต่อไปสายรถไฟอื่นอย่าง JR ได้ด้วย
เลยต้องมีขนาดใหญ่เพื่อรองรับกับจำนวนผู้โดยสารมากมายที่จะเปลี่ยนสายรถไฟไปมา
.
.
.
จะใหญ่จริงอย่างที่พี่ยุ่นว่าไว้รึเปล่า ตามไปดูกันเล้ยยยยย
.
.
.
ใหญ่จริงๆแฮะ!! เห็นแล้วรู้สึกเศร้าใจกับสถานีบ้านตัวเองขึ้นมาในบัดดล
.
.
.
บนสถานีมีร้านรวงละลานตามากๆ
ทั้งร้านเสื้อผ้าแนวๆ ร้านอาหารตั้งแต่เริ่ดๆไปจนถึงถูกๆ
แบบพวก 回転すし (ไคเต็นซูชิ) หรือ ซูชิจานหมุนแบบในรูป
แต่เสียดายที่ถ่ายมาได้แค่รูปเดียว เพราะตอนนั้นกลัวว่าจะไปเลท
ยุ่นเลยเร่งๆๆ บอกว่าเดี๋ยวขากลับค่อยมาถ่ายเพิ่มก็ได้…
แต่สุดท้าย ก็ไม่ได้กลับมาอ่ะ
.
.
.
จากสถานี…ใช้เวลาแค่ห้านาทีเท่านั้น ก็เดินมาถึงคลินิค…ใกล้มากๆสะดวกสุดๆ
แต่เศร้าจริงๆ ที่รีบจนกระทั่งไม่ได้ถ่ายรูปคลินิคมา…
มีแต่รูปป้ายโฆษณาคลินิคที่ถ่ายมาจากบนสถานีไว้ให้ดูแก้ขัดไปพลางๆก่อน
………………………………………………………………
.
.
.
พอมาถึงคลินิค ก็เข้าไปแจ้งชื่อกับพยาบาล แล้วก็ทำการกรอกประวัติส่วนตัว รอแป๊บเดียว พยาบาลก็เรียกเข้าไปในห้องตรวจ
.
.
.
เจอโอก้าซังครั้งแรกก็รีบแนะนำตัวทันที โอก้าซังดูเป็นคนใจดีมากๆ คือด้วยน้ำเสียง แล้วก็ท่าทางที่แสดงออก ขนาดเห็นหน้าแค่ว่อบแวมๆ เพราะโอก้าซังใส่ mask ครอบไปก็ครึ่งหน้าแล้ว
โอก้าซังก็ตรวจๆ โดยวิธีการตรวจก็ไม่ได้แตกต่างจากตอนไปหาหมอสิวที่เมืองไทย ก็คือดูอาการ แล้วก็ถามโน่นนี่ เสร็จแล้วก็สั่งยาให้…แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนคือ…ไม่มีการจับขึ้นเตียงโดนสูตร “กดฉีด” เหมือนหมอสิวที่บ้านเรา คือบ้านเราเนี่ยะ ไม่ว่าจะเป็นเยอะ หรือว่าน้อยแค่ไหน หมอก็ไม่ค่อยสน จะต้องแนะนำให้กดสิวออก หรือไม่ก็ฉีดยาที่สิวทันที ตอนอยู่เมืองไทย ก็ไปหามาหลายคลินิค ก็โดนแบบนั้นตลอด…
.
.
.
แล้วที่ญี่ปุ่นก็เหมือนกับอเมริกา คือคุณหมอจะให้เป็น prescription มา แล้วเราต้องไปซื้อที่ร้านขายยาเอง ซึ่งร้านขายยาพวกนี้ จะต้องเป็นร้านที่เขียนว่ารับ prescription
.
.
.
หน้าตาแบบนี้ค่ะ
.
.
.
อย่างพวก matsumotokiyoshi นี่ไม่มีแน่นอน ไม่ต้องเข้าไปถามให้เมื่อย
.
.
.
ตรวจเสร็จ ก็รีบจัดแจงให้ของฝากโอก้าซัง โอก้าซังก็พูด すみません (ซุมิมาเซน) นับครั้งไม่ถ้วนด้วยสีหน้าที่ดูเกรงใจอย่างสุดซึ้ง…จนพิมก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า โอ้ยยย ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ค่ะโอก้าซังงงงง…
แต่ยุ่นบอกว่านี่ก็เป็นวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นล่ะ คือเค้าคิดว่า ถ้าแสดงความขอบคุณหรือเกรงใจออกมาอย่างออกนอกหน้าเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้คนที่หอบหิ้วของฝากมารู้สึกดีใจมากขึ้นเท่านั้น
จุดนี้ พิมก็เลยรีบบันทึกเข้าหัวสมองไว้ทันที ว่า ถ้าวันนึงมีคนญี่ปุ่นเอาของมาฝากเนี่ยะ ถ้าแสดงอากับกิริยาแบบเดียวที่โอก้าซังทำ…ก็น่าจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีไม่น้อย
.
.
.
ระหว่างที่รอรับใบ prescription โอโต้ซังก็เข้ามาคุยด้วย…ฮ่าๆ แล้วก็ยิงคำถามเด็ด…ว่า…สรุปว่าไปกินข้าวด้วยกันได้มั้ย…ยุ่นก็พูดไปตามแผนเดิม คือ บอกโอโต้ซังไปว่า จริงๆมีนัดดูหนังตอนบ่ายสามโมงเย็นครับ โอโต้ซังก็บอก ว่า อู้ยยย กินได้ๆๆ กินข้าวแป๊บเดียว
.
.
.
prescription ที่ญี่ปุ่นหน้าตาแบบนี้
.
.
.
พอได้ใบ prescription มา แกก็บอกให้รีบไปขึ้นแท็กซี่กันเลย
เร่งรีบกันจนลืมว่าจะต้องจ่ายเงิน!!!! (แกล้งทำเป็นรีบอ๊ะป่าววว)
สุดท้าย…ก็เลย (จำใจต้อง) ฟรีจริงๆ
.
.
.
แต่มันเกรงใจสุดๆจริงๆนะ คือมาตรวจในเวลาพิเศษให้ ไม่คิดเงิน แล้วยังพาไปเลี้ยงข้าว!!!! โอ๊ยยยยยยยยย นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยะ งง….จริงๆแล้วเราเป็นคนทำความลำบากให้ ควรที่จะต้องจ่ายค่ารักษาสองเท่าในการลัดคิว แล้วก็ควรจะเลี้ยงข้าวโอโต้ซังกับโอก้าซังสิ…แล้วไหงเป็นงี้
.
.
.
พอมาถึงร้าน ถึงกับช้อค เพราะมันคือร้าน 天ぷら (เทมปุระ) ชื่อดัง…ดังจริงๆ เพราะเปิดมาร่วมร้อยกว่าปีแล้ว…ชื่อร้าน つな八 (สึนาฮาจิ)
ร้านที่กินนี่ไม่ใช่สาขาแรกที่ตั้งมาร้อยปี (สาขาแรกอยู่ที่ชินจุกุ)
สาขาที่โอโต้ซังพาไปกินนี่อยู่ที่สถานี 聖蹟桜ヶ丘 (เซเซกิซากุระงาโอกะ)
.
.
.
โอโต้ซังให้นั่งตรง counter เพราะว่าจะกินกันแบบที่ให้พ่อครัวค่อยๆทอดให้ทีละชิ้นๆ
.
.
.
ก่อนจะเริ่มกิน ให้ยุ่นถ่ายรูปคู่กับโอโต้ซังไว้ก่อนเลย กลัวว่าเดี๋ยวจะพลาดอีก
.
.
.
แค่เห็นตะเกียบท้องก็ร้องแล้ว…กรี๊ดๆๆ ตื่นเต้นๆ
.
.
.
โว้วววว…ประเดิมกันด้วย appetizer จานแรก…เรียกว่าอะไรไม่รู้…แต่เป็นชีสผสมมิโสะ สัมผัสแรกเค็มมากๆ แต่พอคำที่สองที่สามกลับกลายเป็นอร่อยอย่างบอกไม่ถูก
.
.
.
ต่อด้วยเต้าหู้ชาเขียว (รึเปล่า??…เห็นสีเขียวเลยมั่วไปเองเลยว่าน่าจะทำมาจากชาเขียว)
ชอบการตกแต่งอาหารแบบ minimalism ของญี่ปุ่นที่สุดในโลก
.
.
.
ต่อด้วย 刺身(ซาชิมิ) หรือคุณปลาดิบนั่นเอง…
แต่ก่อนกินไม่ลงเลย รู้สึกว่ามันหยึยๆ แต่อยู่มาปีกว่าแล้ว เลยพยายามที่จะกินให้เป็น ไม่งั้นลำบาก เพราะไปที่ไหนก็มีแต่ปลาดิบๆๆ
.
.
.
มากุโร่!!!
.
.
.
ของทอดชิ้นแรกมาแล้วววววววว!!!
ไม่อยากจะพูดให้อิจฉา…แต่หัวกุ้งกรอบอร่อยสุดยอด เนื้อกุ้งไม่ต้องพูดถึง…
เนื้อแน่นอร่อยมากๆ
.
.
.
โฮกกกกกกก…อยากทอดเองที่บ้านแล้วออกมาแล้วดูน่ากินแบบนี้ม่างงงง
.
.
.
ในความเป็นจริงแล้ว…คนญี่ปุ่นน่ะ เค้าจะไม่ค่อยกินเทมปุระกับสึหยุผสมหัวไชเท้าบดแบบบ้านเรา…
แต่…
เค้าจะกินกับ “เกลือ” ค่ะ!!! งงมั้ยอ่ะ แต่อร่อยมากๆจริงๆ ตอนนี้พิมกับยุ่นถ้าจะกินเทมปุระนี่ต้องโรยเกลือเท่านั้น
อย่างที่ร้านนี้ ไฮโซ…มีเกลือให้เลือกด้วยกัน 4 ประเภท
1. เกลือผสมพริกไทย
2. เกลือผสมบ๊วย
3. เกลือผสมวาซาบิ
4.เกลือป่นธรรมดา
จุดนี้ขอฟันธงค่ะว่า…แบบสามที่ผสมวาซาบิอร่อยสุด!!
.
.
.
คุณปลาอาจิกับคุณปลาหมึก
.
.
.
พ่อครัวที่คอยทอดเทมปุระให้ นี่มีไหวพริบมากๆ คือแกจะคอยสังเกตตลอดว่า โพรเกรสในการกินของลูกค้าไปถึงไหนแล้ว
เพราะจะต้องคอยทอดเอาชิ้นต่อไปมาวางไม่ให้ขาด แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องสังเกตด้วยว่า ถ้าลูกค้ากำลังคุยกันอยู่อย่างออกรส ก็จะต้องชะลอการทอด ต้องรอให้ลูกค้าหยุดคุยก่อน
.
.
.
สองชิ้นนี้ เป็นผัก…เพิ่มวิตามินกันหน่อย
.
.
.
ขอเตือนว่า…จานต่อไป ใจไม่ถึงห้ามดู!!! มันน่ากลัวมากกกกกกกก
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
กรี๊ดดดดดด กล้าดูด้วยหรอออ…ฮือออ น่ากลัวมั้ยอ่ะ!!!
ตอนเค้าหยิบมาวางบนจานนี่แทบช็อค…
พิมไม่ไหวกับอะไรที่มาเป็นตัวๆแบบนี้มากๆ ถ้าแล่มาครึ่งนึงก็ยังดี…แต่นี่…พี่เล่นมาทั้งตัว!!!
.
.
.
สีชมพูนั่นคือหัวไชเท้าขูดผสมกับมะเขือเทศ ไม่รู้เหมือนกันว่ารสชาติเป็นยังไงเพราะไม่ได้กิน แต่เห็นยุ่นบอกว่า จิ้มแล้วรู้สึกสดชื่นดี แล้วก็น่าจะช่วยเรื่องดับคาวรึเปล่า
.
.
.
โอ๊ยยยยย ไม่ไหวจริงๆ (ตอนที่ซูมถ่ายรูปหน้าพี่เค้าก็แบบว่าทรมานสุดๆ…แต่เพื่อการจดบันทึกเรื่องราว…เราต้องสู้!!)
สุดท้ายพิมก็ไม่ได้กินไอ้ตัวนี้อ่ะ ให้ยุ่นสำเร็จโทษไปซะ ยุ่นเลยบอก ลาภปากยุ่นอีกแล้วววว
.
.
.
นี่คือเซ็ตสุดท้าย…ตบท้ายด้วยชุดกุ้งทอด…เฮ้อออ ท้องจะแตก
แต่ก็กลัวโอโต้ซังเสียใจ ต้องกินให้ราบ!!! อุตส่าห์พามาเลี้ยงทั้งที
.
.
.
ก่อนจะแยกกัน โอโต้ซังก็ยืนถุงกระดาษใบนึงให้…ตกใจมากกก เพราะข้างในเต็มไปด้วยของฝากเต็มไปหมด
.
.
.
จังหวะนั้นก็หยิบเอาเคล็ดวิชา ซุมิมาเซน ล้านครั้ง ของโอก้าซังมาใช้ซะเลย…ให้ตายสิ…อะไรจะได้ใช้ทันทีขนาดนี้เนี่ยะ
.
.
.
ลืมบอกไปว่า…วันนั้นเมาท์กับโอโต้ซังจนเพลิน กลายเป็นว่า เริ่มกินข้าวกันตอนบ่ายสอง ออกจากร้านประมาณบ่ายสี่ ซึ่งมันเลยเวลาที่(โม้ไว้ว่า)จะไปดูหนังไปแล้ว…
.
.
.
ระหว่างที่กำลังจะเดินไปที่ทางเข้าสถานีรถไฟ…โอโต้ซังก็ขอแวะที่ร้านหนังสือ แล้วก็ไปหยุดที่ shelf นึง…แล้วก็พูดว่า…
“พ่ออยากซื้อดีวีดีให้หนึ่งแผ่น เป็นการทดแทนที่ทำให้ไปดูหนังไม่ทัน”
.
.
.
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
พิมกับยุ่นช้อคเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้
ทำไมโอโต้ซังเป็นคนน่ารักขนาดนี้นะ แบบคิดถึงจิตใจของฝ่ายตรงข้ามมากๆจนน่าตกใจ
.
.
.
ตอนนั้นก็ปฏิเสธกันตัวโก่งงง แบบไม่เอาค่ะ ไม่เป็นไรจริงๆ (ให้ตายสิ ก็มันคือการโม้ทั้งเพอ่ะ) แต่โอโต้ซังก็ไม่ยอม
แล้วก็บังคับให้เลือกมาหนึ่งเรื่อง ไม่งั้นแกไม่ออกจากร้าน
(ฮืออออ รู้สึกผิดที่สุดในโลกอ่ะ)
สุดท้ายก็เลยจิ้มๆไปเรื่องนึง…
(ฮือออออออออออออออออออออออออออออออ)
.
.
.
จริงๆตอนเย็นมีไปกินทาเบโฮได (บั๊ฟเฟต์) กับยุ่นอีกด้วย แต่วันนี้ขอแค่นี้ก่อน
เมื่อยมากๆ ไม่ไหวแล้ว ไว้ค่อยมาโพสท์แยกเป็นอีกเรื่องทีหลังแล้วกัน
.
.
.
ถุงของฝากที่โอโต้ซังให้มา
.
.
.
.
.
.
นี่คือดีวีดีที่จิ้มมา…ฮือออ ละอายใจจริงๆ แต่ก็แอบขำ…ที่ดันเลือกดีวีดี ร่างกายของเรามาซะงั้น
.
.
.
มีเหล้าญี่ปุ่นด้วย…
.
.
.
ตบท้ายด้วยขนม…
.
.
.
คะสึเทร่า!!!
.
.
.
ซาลาเปาทอด!!!
.
.
.
.
.
.
ก่อนกิน
.
.
.
กินแล้วคร้าบบบ…หร่อยๆ
.
.
.
ฮ่าฮ่า แกยังบร้าเหมือนเดิมมมม เรื่องราวน่ารักจัง นี่แหละเนอะ เรื่องดีๆเกิดง่ายๆแล้วก็อยู่รอบๆตัว ว่าแต่….พี่ปลาน่ากลัวจิงๆด้วยอ่ะ ฮือออ อาหารญี่ปุ่นอร่อยนะ แต่ก็กินพวกสดๆไม่ไหวจิงๆอ่ะ วันก่อนดูทีวี เห็นพวกปลาหมึกอ่ะ ที่ตัดเห็นๆแล้วก็ดุ๊กดิ๊กๆกินเข้าปากไปเลย เอิ๊กกกกก
คิดถึงๆๆๆน้า จู๊บบบบบ
2009/06/21 at 11:42 PM
คิดถึงแกเหมือนกานนนนนนนนนนนนน เข้ามาอ่านบ่อยๆนะ
เห็นคอมเมนต์แล้วค่อยหายคิดถึงขึ้นบ้างงงงงง
2009/06/22 at 2:38 AM
เย้ๆ สนุก ขอ comment หน่อย
1. เรื่องสิวๆ ตกลงแกไปซื้อยาไรมาใช้มั่ง มาเล่าให้ฟังหน่อย เผื่อกูจะไปเสาะหามาใช้มั้งว่ะ คริคริ
2. เทมปุระน่ากินได้อีกกกกกกกกกกกกกกกกกก อยากลองกินแบบจิ้มเกลือว่ะ ท่าจะเด็ดมิใช่น้อย ส่วนน้องปลาตัวนั้นก็อวบดีนะ แต่ตาแป๋วเรยอ่ะ T-T
2009/06/22 at 1:35 AM
แอ้มคะ สรุปว่า ถ่ายรูปร้านขายยาเรียบร้อย เดินไปถึงหน้าร้าน…ร้าน(แมร่ง)ปิดซะงั้นอ่ะ -_-‘ เลยต้องไปใหม่วันจันทร์เนี่ยะ ยังไงได้ยามาแล้วจะรีบคาบข่าวมาบอกนะแคะ แต่ก็อาจจะเป็นยาธรรมดาป่าววะ เพราะหมอสั่งอ่ะ แล้วยิ่งหมอประเทศนี้ ดูกลัวๆ คงจะไม่กล้าสั่งยาแรงๆเหมือนหมอบ้านเรารึเปล่าก็ไม่รู้
2009/06/22 at 2:24 AM
เมื่อวันเสาร์เลยพาพิมไปเจอกับประสบการณ์ใหม่ๆเพียบเลย
ทั้งไปหาหมอที่ญี่ปุ่นครั้งแรก ประเพณีการให้ของฝากของคนญี่ปุ่น
รวมถึงความโรคของระบบ prescription ของญี่ปุ่น!!
แต่สนุกดีเนอะ ไว้ยังไงอีก6อาทิตย์ให้หลัง เราต้องไปตอบแทนโอโต้ซังคาวาโนะบ้างแล้วล่ะ ตามที่สัญญากับแกเอาไว้ ว่าตอนที่นัดไปรับยาครั้งต่อไป จะไปทานข้าวเป็นเพื่อนแกอีก
2009/06/22 at 2:56 PM
แล้วคราวนี้ช้างยุ่นทำไงอ่ะ บอกโอโต้ซังว่าผมออนไดเอ็ทอยู่งั้นหรอออ
เอิบบบบบบบ งี้เราต้องคิดแผนลวงโลกแกอีกรึเปล่าเนี่ยะ T_T
2009/06/25 at 4:18 PM
ดีครับ ผมสนใจที่คุณไปหาหมอมากๆเลย
ตอนนี้ผมเรียนอยู่ที่คานากาว่าครับ ไปชิบูย่า และ ชินจูกุ ทุกๆเดือน
ผมเองก็เป็นสิวเช่นกันครับ อยากหาหมอที่คุณแนะนำ
ไม่ทราบว่าผมต้องโทรไปจองคิวหรืออะไรหรือป่าว
ขอบคุณมากครับ
2010/03/22 at 8:56 PM